Table of Contents
นายพงษ์พัฒน์ แก้วพะเนาว์ เกษตรกรรุ่นใหม่
นอกจากการดูบทความนี้แล้ว คุณยังสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ อีกมากมายที่เราให้ไว้ที่นี่: ดูเพิ่มเติม
Club Farmday The Series ตอน ทำปุ๋ยง่ายๆ แบบไม่กลับกอง
สวทช. ได้สนับสนุนทุนวิจัยให้ ผศ.ธีระพงษ์ สว่างปัญญางกูร จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ พัฒนานวัตกรรมการผลิตปุ๋ยอินทรีย์แบบไม่พลิกกลับกอง โดยใช้วัตถุดิบหลัก คือ เศษพืชและมูลสัตว์ ใช้เวลาผลิตเพียง 60 วัน ได้ปุ๋ยอินทรีย์ที่อุดมด้วยธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง และจุลธาตุที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช และมีคุณภาพสูงตามค่ามาตรฐานปุ๋ยอินทรีย์ของกรมวิชาการเกษตร ปัจจุบันนวัตกรรรมดังกล่าวได้รับการตอบรับจากเกษตรกรและขยายผลการใช้งานในวงกว้าง
“อยากให้ทุกคนเริ่มทำ เริ่มจากครอบครัวเรา ชุมชนเรา การทำปุ๋ยไม่ใช่เรื่องยาก ใช้วัตถุดิบที่มีและหาได้ง่ายในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นเศษใบไม้ พืช ผัก เศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร เศษอาหาร มูลสัตว์ ก็สามารถหาได้ง่ายอยู่แล้วในท้องถิ่น ถ้ามีปัญหาก็สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ง่าย ทำใช้เองได้ประโยชน์มาก สามารถลดต้นทุนการผลิตและค่อยๆ ลดการใช้สารเคมีในการเพาะปลูก คนในครอบครัวก็จะมีสุขภาพที่ดีขึ้น และถ้าทำตามสูตร ไม่ลัดขั้นตอน ไม่รีบร้อน ก็สามารถผลิตปุ๋ยได้มาตรฐานและสร้างรายได้ได้อย่างแน่นอน”
ณัฐณิชา ใจการณ์ เกษตรกรผู้ใช้ และผลิต ปุ๋ยหมักแบบไม่พลิกกับกอง อ่านบทความต่อได้ที่
https://www.nstda.or.th/agritec/78featuredarticle/294fertilizerparttime.html
“ถ้าเป็นไปได้จะส่งเสริมให้เกษตรกรทำปุ๋ยเองด้วย เพื่อให้เกษตรกรรู้ว่าเศษวัสดุการเกษตรของเขามีประโยชน์ ไม่ใช่เผาทิ้ง ซึ่งทำให้เกิดปัญหาควัน และปุ๋ยที่ได้เอามาใช้ปรับปรุงบำรุงดินในพื้นที่เสื่อมโทรมหรือที่เกษตรกรทิ้งแล้ว ให้เกษตกรใช้ที่ดินนั้นได้อีก จะได้ไม่รุกล้ำพื้นที่ป่า”
วิทยา หวานซึ้ง กษตรกรผู้ใช้ และผลิต ปุ๋ยหมักแบบไม่พลิกกับกอง อ่านบทความต่อได้ที่
https://www.nstda.or.th/agritec/78featuredarticle/380fertilizercase
ดาวน์โหลดโบรชัว
https://goo.gl/7BLrqh
Club Farmday ตอน รู้ปลูก รู้ขาย รู้จักใช้เทคโนโลยี
ข้อมูลเพิ่มเติม
บทความ \”ถอดความคิด “เกษตรรุ่นใหม่” กับวิถีทำเกษตรแบบกลุ่ม\”
https://www.nstda.or.th/agritec/78featuredarticle/453youngsmartthink
Facebook live \”Smart technology จำเป็นขนาดไหนกับการทำเกษตรปัจจุบัน\”
โดยพงษ์พัฒน์ แก้วพะเนาว์ http://bit.ly/2XGneNS
Youtube \”ระบบน้ำเพื่อการเพาะปลูก\”
https://youtu.be/lkYCHUJJcg
“ปลิว” หรือ พงษ์พัฒน์ แก้วพะเนาว์ เจ้าของฟาร์ม “แก้วพะเนาว์” ต.นาภู อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม เกษตรกรรุ่นใหม่ที่มีแนวทางการทำเกษตรบนพื้นฐานหลักวิชาด้านเกษตรที่ร่ำเรียนมา บวกกับประสบการณ์ที่เรียนรู้จากประเทศอิสราเอล หลอมหลวมให้เขานำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้พลิกผืนดินแห้งแล้งบ้านเกิดกลายเป็นพื้นที่เพาะปลูกที่สร้างรายได้ และกลายเป็นศูนย์เรียนรู้ด้านเกษตรที่ขึ้นชื่อของจังหวัดมหาสารคาม
ไม่เพียงปรับเปลี่ยนพื้นที่ตัวเอง แต่เขาได้ขยายความรู้และสร้างเครือข่ายกลุ่มวิสาหกิจ 6 กลุ่มใน 6 หมู่บ้านของตำบลนาภู และกำลังขยับไปสู่การจัดตั้งเป็น “สหกรณ์”
ความตั้งใจแรกที่กลับมาทำเกษตรบนพื้นที่ 7 ไร่ของครอบครัว “ปลิว” ต้องการทำให้เหมือนรูปแบบบริษัท จัดระบบการเพาะปลูกให้ครบวงจรในพื้นที่ ด้วยคิดว่าตัวเองทำได้
\”กลับมาทำที่บ้านก็ต้องทำของตนเองก่อน คนที่กลับมาแล้วทำให้ชุมชนได้เลย อันนั้นเขามีทุน ตอนที่เริ่มทำ คิดว่าจะบริหารตัวเองได้ แต่ปรากฏว่าเรารับความเสี่ยงคนเดียว เราดูแลไม่ไหว ต้องจ้างคน แล้วก็มาคิดว่าถ้าจะทำเป็นธุรกิจ ต้องมีวัตถุดิบ ซึ่งเราทำเองทั้งหมดไม่ได้”
และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ “ปลิว” เข้าไปเกี่ยวข้องกับ “ชุมชน” โดยเริ่มจากชุมชนหมู่ 17 ที่ติดกับพื้นที่ของเขา ปลิวเข้าไปชักชวนให้ปลูกผัก โดยให้ความรู้ทุกขั้นตอนการผลิต วางปฏิทินการเพาะปลูก กำหนดปริมาณผลผลิตที่ต้องการ จนเกิดการรวมตัวเป็นกลุ่มวิสาหกิจปลูกผักอินทรีย์หมู่ 17 มีพื้นที่ปลูกผักรวม 10 ไร่ ซึ่งรูปแบบนี้เป็นการแบ่งโควต้าการผลิตให้เกษตรกรแล้วนำผลผลิตที่ได้มารวมกัน โดย “ปลิว” เป็นผู้เชื่อมโยงตลาด
กลุ่มวิสาหกิจปลูกผักอินทรีย์หมู่ 17 เกิดขึ้นหลังจากที่ “ปลิว” กลับมาทำเกษตรได้ 3 ปี ปัจจุบันเขาได้ส่งเสริมให้เกิดกลุ่มวิสาหกิจในตำบลนาภูอีก 5 แห่ง ประกอบด้วย กลุ่มปลูกผักหมู่ 8 กลุ่มเลี้ยงโคกระบือ กลุ่มธนาคารใบไม้ กลุ่มผลิตเมล็ดพันธุ์ และกลุ่มหมู่บ้านทฤษฎีใหม่ ซึ่งล้วนเป็นกลุ่มที่เกิดขึ้นจากที่ชุมชนเข้ามาขอคำแนะนำจากเขา
จากจุดเริ่มความคิดที่จะทำเกษตรในรูปแบบบริษัทในพื้นที่ของตนเอง ขยับสู่งานส่งเสริมชุมชนให้เกิดการรวมกลุ่ม ภารกิจ “ส่งเสริมชุมชน” ที่ไม่ได้เป็นหมุดหมายของการกลับมาทำเกษตร แต่ทุกวันนี้กลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของ “ปลิว” ไปแล้ว และกลายเป็นจิ๊กซอว์สู่การสร้างสหกรณ์ของตำบล
“ความคิดนี้เกิดขึ้นหลังจากส่งเสริมชุมชนแรกและได้รู้จักคุณค่าของการส่งเสริม คนที่ได้สิ่งที่เราให้ เขามีความสุข เราก็มีความสุขกับเขา”
การเกิดขึ้นของกลุ่มวิสาหกิจทั้ง 6 กลุ่มที่ “ปลิว” เข้าไปเป็นที่ปรึกษา เป็นเหมือนจิ๊กซอว์ที่ “ปลิว” มองว่าจะนำไปสู่การจัดตั้งเป็น “สหกรณ์” จิ๊กซอว์แต่ละตัวเป็นต้นทางของวัตถุดิบในการปลูกผักทั้งเมล็ดพันธุ์ ขี้วัว หรือปุ๋ย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ ผลผลิตที่เกิดขึ้นจากแต่ละกลุ่มจะถูกส่งเข้าสหกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็นผู้เชื่อมโยงตลาด
“การเป็นสหกรณ์มีคณะกรรมการบริหาร มีการตรวจสอบ มีความน่าเชื่อถือ ชุมชนมีส่วนร่วม คณะกรรมการได้รับค่าตอบแทน แต่หากเป็นกลุ่มวิสาหกิจ กรรมการไม่มีค่าตอบแทน คนทำก็ท้อ สุดท้ายก็ล้ม”
ทุกวันนี้ “ปลิว” ยังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้แต่ละกลุ่ม เข้าไปช่วยคิด ให้ความรู้และแนะนำแนวทางให้กลุ่ม
“มาทำแบบนี้เหมือนจิตอาสา ไม่ได้อะไร แต่ได้ความสุข เป็นภาระมั้ย ถ้าว่างก็ไม่เป็นนะ อยากเห็นชุมชนทั้งหมดที่เราช่วยไปต่อได้ ก็เกิดความคิดแปลกๆ ว่า ถ้าเราไม่ทำ แล้วใครจะทำ ทำไปเถอะ เดี๋ยวก็ไม่อยู่แล้ว\”
เกษตรไทยไอดอล I EP.111 ตอน ผักพื้นบ้านผสมผสาน 24 ก.ค.60
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อำนวยการผลิต
ออกอากาศทุกจันทร์ เวลา 17.45 น. ทาง 9MCOT HD
https://web.facebook.com/kasetidol/
ถึงสื่อถึงคน ตอน ลุงสมพร ยอดระบำ
ติดตามการทำสวนสมรม หรือสวนผสมผสาน สวนดั้งเดิมของภาคใต้
โดยลุงสมพร ยอดระบำ บ้านสวนเลา ต.ทุ่งโพธิ์
อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช
นอกจากการดูหัวข้อนี้แล้ว คุณยังสามารถเข้าถึงบทวิจารณ์ดีๆ อื่นๆ อีกมากมายได้ที่นี่: ดูวิธีอื่นๆCRYPTO
442945 443518Immigration Lawyers […]the time to read or pay a visit to the content material or web sites we have linked to below the[…] 923352
711918 812893It can be difficult to write about this topic. I believe you did an exceptional job though! Thanks for this! 78994